ปัญหาทัศนอุจาด ความไร้ทิศทาง
การขาดความศิวิไลซ์ ของมหานครอย่างกรุงเทพประการสำคัญประการหนึ่ง คือ ความไม่มี Class
ของผู้มีอำนาจในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ
กรุงเทพมหานครมีบุคลากรที่มีศักยภาพมากมายแต่ผู้ถืออำนาจกลับใช้ไม่เป็นซ้ำยังเห็นว่าไร้ประโยชน์ ผมกำลังพูดถึงบทบาทในการขับเคลื่อนสังคมของสถาปนิก เครื่อง computer จะคุณภาพดีเพียงใด มีคุณอนันต์แค่ไหน หากผู้ใช้ใช้งานไม่เป็น
ความไร้ประโยชน์หาเป็นที่ตัว computer ไม่
แต่อยู่ที่ใครนั้นน่าขบคิด
ยุค Modern ทำให้บทบาทและคุณค่าของสถาปนิกเจือจางไป
เมื่อคุณค่าของงานสถาปัตยกรรมถูกเรียกร้องแค่เพียง Function และอรรถประโยชน์สูงสุด
Mass product การผลิตจำนวนมาก ๆ ในราคาประหยัด ความงาม
ความสุนทรีย์ การสนองทางอารมณ์เป็นเพียงเรื่องที่ถูกมองว่าฟุ่มเฟือย เป็นเรื่อง ยุค Classic
ในวันวาน รากศัพท์ของ Classic มาจาก Class
เป็นเรื่องของชนชั้น มีแต่รสนิยมของชนชั้นสูงและมีการศึกษาเท่านั้นจึงจะ Classic
ลูกชิ้นปิ้ง ปลาร้า ปลาแจ่ว ไม่มีทาง Classic ได้
เมื่อผู้มีอำนาจยังนิยมปลาร้า ปลาแจ่ว ลูกชิ้นปิ้งริมทาง มี Vision ระดับ Human need ที่ตามแนวคิด Maslow's Hierarchy of Needs เพียงชั้น
Basic need คือ แค่พอปากอิ่ม ห่มอุ่น น้ำไหล ไฟสว่าง ถนนหนทางพอรถวิ่งไปมาได้
อาคารก่ออิฐฉาบปูนพอคุ้มแดดคุ้มฝน เป็นความฝันของประเทศล้าหลังกำลังพัฒนา เช่นนี้ มุมมองของผู้มีอำนาจย่อมเห็นว่ามหานครอย่างกรุงเทพก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้สถาปนิกในการพัฒนาเมือง มืออาชีพยังไม่มีความจำเป็น อุปมาดั่งคนป่าได้ปืน ฉันนั้น กระทั่งวันหนึ่ง ถึงเวลาที่ผู้มีอำนาจเริ่มมี Class ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ไม่เพียงพออีกต่อไป
ผู้มีอำนาจและประชาสังคมจะเริ่มเรียกร้องความต้องการทางใจ ทางอารมณ์ ความสุนทรีย์
ความศิวิไลซ์ ชั้น Psychological need ณ เวลานั้น สถาปนิกจะถูกเรียกร้องให้ออกมารับใช้สังคมเอง